แชร์

ข้อควรทำทันที หากตู้เย็นเจอน้ำท่วม

     การที่ ตู้แช่เย็น เจอน้ำท่วมอาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบทำความเย็นได้ หากไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ควรทำทันทีหากตู้แช่เย็นเจอน้ำท่วม :

  • 1. ปิดเครื่องและถอดปลั๊กไฟ

         ปิดเครื่องทันที : เมื่อทราบว่าตู้แช่เย็นได้สัมผัสน้ำ ควร ปิดเครื่องทันที เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและอันตรายจากการที่น้ำไปสัมผัสกับส่วนไฟฟ้าในเครื่อง

         ถอดปลั๊กไฟ : ถอดปลั๊กไฟออกจากเต้ารับทันที เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้หรือช็อตไฟฟ้า

  • 2. ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น

         สำรวจภายนอกเครื่อง : ตรวจสอบว่ามีน้ำเข้าภายในส่วนไหนของเครื่องบ้าง เช่น ด้านหลัง, ช่องระบายอากาศ, หรือพัดลมระบายความร้อน

         สำรวจภายในตู้แช่ : หากน้ำท่วมเข้าไปภายในตู้แช่ ให้ตรวจสอบว่าส่วนใดของตู้ได้รับผลกระทบบ้าง เช่น ชั้นวางหรือช่องเก็บอาหาร ซึ่งอาจเกิดความเสียหายจากน้ำ

  • 3. ทำความสะอาด และแห้งตู้แช่

         เช็ดน้ำออกจากตู้แช่ : ใช้ผ้าแห้งซับน้ำออกจากทั้งภายในและภายนอกของตู้แช่ ควรให้แน่ใจว่าไม่มีน้ำเหลือค้างในเครื่อง

         เปิดประตูตู้แช่ : เปิดประตูตู้แช่ทิ้งไว้เพื่อให้เครื่องมีการระบายอากาศและแห้งสนิท ลดความชื้นภายในเครื่อง

  • 4. ตรวจสอบความเสียหายของระบบไฟฟ้า

         ตรวจสอบแผงวงจรไฟฟ้า : หากสามารถเข้าถึงแผงวงจรหรือระบบควบคุมได้ ให้ตรวจสอบว่ามีการเสียหายจากน้ำหรือไม่ เช่น การกัดกร่อนหรือรอยน้ำ

         ตรวจสอบคอมเพรสเซอร์ : หากน้ำท่วมเข้าไปถึงคอมเพรสเซอร์ ควรตรวจสอบว่ามีการรั่วไหลของน้ำหรือการเสียหายอื่นๆ

  • 5. รอให้ตู้แช่แห้ง

         รอให้แห้งสนิท : ปล่อยให้ตู้แช่เย็นแห้งสนิทเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับน้ำท่วมและขนาดของเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีความชื้นหลงเหลืออยู่ภายในเครื่อง

         ใช้พัดลมหรือเครื่องดูดความชื้น : หากจำเป็น สามารถใช้พัดลมหรือเครื่องดูดความชื้นเพื่อช่วยให้เครื่องแห้งเร็วขึ้น

  • 6. ตรวจสอบฟิวส์ และเบรกเกอร์

         ตรวจสอบฟิวส์ : หากมีการใช้งานฟิวส์ป้องกันกระแสไฟฟ้า (fuse) ควรตรวจสอบว่าไม่เกิดการขาดจากน้ำท่วมและควรเปลี่ยนฟิวส์ใหม่หากจำเป็น

         ตรวจสอบเบรกเกอร์ : ตรวจสอบว่าเบรกเกอร์ได้ตัดการจ่ายไฟออกจากเครื่องแล้ว และตรวจสอบว่าเบรกเกอร์ทำงานปกติ

  • 7. ตรวจสอบการทำงานของเครื่อง

         เปิดเครื่อง : หลังจากที่แน่ใจว่าเครื่องแห้งสนิทแล้ว ให้เสียบปลั๊กและเปิดเครื่องทิ้งไว้สักระยะ เพื่อตรวจสอบว่าระบบทำความเย็นทำงานปกติหรือไม่

         ตรวจสอบอุณหภูมิ : ใช้เครื่องมือวัดอุณหภูมิภายในตู้แช่เพื่อตรวจสอบว่าอุณหภูมิที่ได้เป็นไปตามที่ตั้งไว้หรือไม่

         ฟังเสียงคอมเพรสเซอร์ : ฟังเสียงคอมเพรสเซอร์ว่าเงียบหรือมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงดังหรือสะท้าน อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัญหาภายใน

  • 8. ติดต่อช่าง หรือผู้ให้บริการ

         หากพบความเสียหาย : หากเครื่องไม่ทำงานหรือพบความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน, ระบบไฟฟ้ามีปัญหา, หรือเกิดการกัดกร่อนในวงจร ควร ติดต่อช่างเทคนิค เพื่อทำการตรวจสอบและซ่อมแซมเครื่อง

         หากเครื่องอยู่ในระยะประกัน : หากตู้แช่เย็นยังอยู่ในระยะประกัน ควรติดต่อศูนย์บริการเพื่อขอคำแนะนำหรือขอรับบริการซ่อมแซม

  • 9. ป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมในอนาคต

         ยกตู้แช่ให้สูงขึ้น : หากพื้นที่ที่ตั้งตู้แช่เย็นมีความเสี่ยงจากน้ำท่วม ควรพิจารณายกตู้แช่ขึ้นจากพื้น หรือใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อป้องกันน้ำท่วม

         ติดตั้งระบบป้องกันน้ำ : การติดตั้ง ปั๊มน้ำ หรือ การป้องกันการรั่วไหลของน้ำ เช่น แผ่นกันน้ำ หรือการยกพื้นสามารถช่วยป้องกันน้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

สรุป

     เมื่อ ตู้แช่เย็นเจอน้ำท่วม ควรดำเนินการอย่างรวดเร็วและระมัดระวัง เช่น ปิดเครื่องทันที, ถอดปลั๊กไฟ, ทำความสะอาดและแห้งเครื่องให้ครบถ้วนก่อนเปิดใช้งานใหม่ หากพบความเสียหายจากน้ำท่วมควรติดต่อช่างเทคนิคเพื่อทำการซ่อมแซมหรือประเมินความเสียหายอย่างละเอียด

บทความที่เกี่ยวข้อง
ถังดักไขมัน สแตนเลส ดีกว่า พลาสติก ยังไง?
ถังดักไขมัน สแตนเลส ดีกว่า พลาสติก ยังไง?
การใช้ถังดักไขมัน
การใช้ถังดักไขมัน : ความสำคัญ และวิธีการดูแลรักษา
ทำไมเครื่องครัวสแตนเลสต้องเป็น สแตนเลสเกรด 304
ทำไม "เครื่องครัวสแตนเลส" ต้องเป็น "สแตนเลสเกรด 304"
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ